MICRO เปิดสาขาชิงมาร์เก็ตแชร์ตั้งธงพอร์ตสินเชื่อโต 30% คุม NPL ไม่เกิน 3%
MICRO กางแผนธุรกิจปี 2564 เปิดสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา ภายในไตรมาสแรกนี้ประเดิมเปิดสาขา 13 ที่สมุทรปราการ สาขา 14 ที่ปทุมธานี เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อรถสิบล้อตั้งธงสินเชื่อเติบโต 30% ขยายพอร์ตแตะ 4,000 ล้านบาท ชี้ความต้องการสินเชื่อรถบรรทุกมือ 2 ขยายตัวต่อเนื่อง มั่นใจคุม NPL สิ้นปีนี้ต่ำกว่า 3% ได้ตามแผน เล็งขยายธุรกิจใหม่เสริมแกร่งรายได้
นายวิศาลท์ บูรณสันติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MICRO ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และสินเชื่อประเภทอื่นที่มีรถบรรทุกมือสองเป็นหลักประกันเปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปี 2564 เชื่อว่าจะมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อต่อเนื่องปีละ 30% วางเป้าปี 2564 อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโตราว57% จากปีก่อน โดยบริษัทยังเดินหน้าตามแผนในการขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 4 สาขา เป็น 16 สาขา จากปี2563 มี 12 สาขา ซึ่งภายในไตรมาสแรกนี้ จะเปิดสาขาลำดับที่ 13 ในจังหวัดสมุทรปราการ และปลายไตรมาส 1 ถึงช่วงต้นไตรมาสที่ 2 เตรียมเปิดสาขาที่ 14 ที่จังหวัดปทุมธานี ส่วนสาขาที่ 15-16 บริษัทฯกำลังพิจารณาโซนที่จะเปิด เบื้องต้นเล็งพื้นที่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
และในปีหน้าเตรียมเปิดสาขาอีก 4 สาขา ซึ่งเป็นไปตามแผนภายในปี 2565 บริษัทขยายสาขาครบ 20 สาขา ทั้งนี้สาขาที่บริษัทจะขยายเพิ่มจะเน้นจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกลุ่มเต็นท์รถบรรทุกมือสอง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อของบริษัท ให้สามารถเติบราว30% ในทุกๆ ปี
แผนการขยายธุรกิจในปี 2564 และปีหน้า ยังคงเน้นผ่านช่องทางดีลเลอร์ (เต็นท์รถ) เป็นหลัก ซึ่งการเปิดสาขาเพิ่มเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อใหม่ในปีนี้อีกราว 2,000-2,500 ล้านบาท รวมถึงการแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.8% มองความต้องการสินเชื่อรถบรรทุกมือ 2 ไม่ได้ลดลง แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ใช้รถบรรทุกเพื่อการประกอบอาชีพ” นายวิศาลท์กล่าว
โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงต่อจากนี้ หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา MICRO พร้อมขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเงินระดมทุนที่ได้มา โดยในปี 2564 บริษัทฯ มีแผนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาระบบการบริการด้านสินเชื่อให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่นMobile Application และ เครื่องมือในการบริหารจัดการข้อมูลด้านสินเชื่อเช่าซื้อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับแผนธุรกิจระยะยาว บริษัทฯ มีแผนจะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจหลัก คือบริการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้เข้ามา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลและความเป็นไปได้เพิ่มเติม โดยการขยายธุรกิจของบริษัทเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต ด้านปฏิบัติการ และด้านสภาพคล่อง รวมทั้งให้ความสำคัญกับกฏเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผลประกอบการในงวดปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 135.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.30 ล้านบาทเติบโต 21.94% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 110.79 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่454.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.49% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 330.24 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัท และรายได้จากค่าบริการประกันภัยและประกันวงเงิน